starbuck ใครเคยทำ part time – 2

ใครเคยไปทำงาน part-time ร้าน StarBucks บ้างครับ ( ตอนที่ 2) ???
ผมเป็นคนชอบกาแฟมากครับ เคยนั่งคิดเล่นๆว่าอยากเป็นคนชงกาแฟบ้าง ผมว่าน่าสนุกนะครับ ที่เลือกร้าน Starbucks นี้ ไม่ใช่เพราะหัวสูงหรืออะไรแต่อย่างใด แต่เพราะว่าด้วยอาชีพพนักงานออฟฟิศแถวเพลินจิต ซึ่งมีร้านเหรียญดวงดาวนี้ ตั้งอยู่แทบจะเหมือนกับ 7-11 เลยคิด (เอาเอง) ว่าถ้าเลิกงานจากงานประจำ หรือมาทำงานวันหยุดก็น่าจะมาทำงาน part-time ที่ร้านนี้ได้ ค่าจ้างก็ถือเป็นประสบการณ์ ที่สำคัญเคยได้ยินมาว่าได้กินกาแฟฟรีด้วย!!!

ไม่ทราบว่าชาวก้นครัวท่านใดเคยทำงานในร้านบ้างครับ ขอสอบถามว่า
1. เค้ามีขั้นตอนรับสมัคร ฝึกสอนอย่างไร
2. แล้วมีรับพวกพนักงาน part-time หรือเปล่าครับ (เห็นในเว็ปมีบอกว่ารับ แต่ข้อมูล update มานานมาก กลัวว่าเศรษฐกิจไม่ดี เค้าอาจจะรับพวกพนักประจำก็ได้)

ไปเล่าความคิดนี้ให้เพื่อนบางคนฟัง ส่วนใหญ่ตอบกลับมาเลยว่าไม่เข้าท่า เพราะมันจะเหนื่อย แต่ผมว่าถ้าเราชอบ ก็น่าจะทำมันได้ดีนะครับ ก็เข้าใจเหมือนกันว่า ชีวิตจริงมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่ฝัน (จากการทำงานประจำ 555)

ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้า และสวัสดีปีใหม่ครับ

ความคิดเห็นที่ 1
เท่าที่พอทราบมาเมื่อมีการรับพนังงานเพิ่มเข้าจะเรียกพนักงานเก่าๆที่ออกไปมาก่อนครับ (คงไม่อยากเทรนมาก)

ในเวบ starbucks น่าจะมีให้ทิ้งประวัติไว้นะครับ

ความคิดเห็นที่ 2
จากที่เคยได้ยินมา สมัครยากเหมือนกันนะครับ
ผมยังเคยจะสมัครเลยครับ
ดูเป็นงานที่น่าสนใจดีอะครับ

มีการ อบรมให้เรารู้เรื่องกาแฟอย่างดี เพราะเด๋วลูกค้าถามแล้วจะไม่รู้เรื่องเอา น่าสนุกดีอะครับ

ความคิดเห็นที่ 3
เราเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ Starbucks ค่ะ ที่ร้านนี้เค้าจะเรียกพนักงานว่า Partner
ขอบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นประสบการณ์เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว กฎต่างๆอาจจะเปลี่ยนไป แต่เนื้องานเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ
ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ หางานทำยังไม่ได้เลยเลยไปสมัคร เราไปสมัครที่สำนักงานใหญ่เลยค่ะ
เค้าสัมภาษณ์เราเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษนิดหน่อย แล้วเค้าก็นัดเราไปเทสต์งานในวันรุ่งขึ้นเป็นเวลา 1 วันเต็มๆค่ะ
เราได้ไปเทสต์งานที่สาขาค่อนข้างใหญ่สาขาหนึ่งซึ่งเป็นทั้งห้างและอ๊อฟฟิศ อยู่ใจกลางเมืองค่ะ สาขานี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ

วันแรกเค้ายังไม่ให้เราชงกาแฟหรอกค่ะ โน่น ล้างแก้ว ล้างจาน เก็บจาน กวาดขยะ ทำความสะอาด เช็ดโต๊ะ เก็บโต๊ะ ขัดห้องเก็บของ ซักผ้า และที่หนักที่สุดคือทิ้งขยะค่ะ
ขยะร้านกาแฟนี่ไม่ใช่เบาๆเลยนะคะ ยิ่งร้านใหญ่ๆ ขยะยิ่งเยอะ ร้านนึงนี่มีประมาณ 4-5 ถังในร้านเดียว แล้ววันนึงไม่ใช่ไปทิ้งรอบเดียว ร้านเราอย่างต่ำ 3 รอบขึ้นไปค่ะ
งานนี้ทำให้เรารู้ซึ้งถึงชีวิตคนเก็บขยะเลยค่ะ เราต้องขนลงไปทิ้งที่ห้องเก็บขยะของห้างอยู่ในลานจอดรถชั้นใต้ดิน กลิ่นนี่สุดจะบรรยาย

ทั้งภาพ ทั้งกลิ่น น้ำเน่า ขยะเน่าๆ วันแรกแทบอ้วกเลยค่ะ แต่พอวันหลังๆก็เริ่มชิน เฮ้อ… กลิ่นนี้ที่คุ้นเคย 555

ตอนเย็นหลังจากเทสต์งานเสร็จ ผู้จัดการร้านก็จะสัมภาษณ์เราอีกทีนึง พอดีเราผ่าน วันรุ่งขึ้นก็เริ่มงานได้เลย แต่ถ้าสาขาที่คุณไปเทสต์พนักงานเต็มแล้ว เค้าก็จะส่งคุณไปสาขาอื่น

จริงๆงานหลักของพนักงานพาร์ทไทม์ ก็คือ ทำความสะอาด กวาดขยะ ดูดฝุ่น ถูพื้น ล้างจาน(ล้างกันจนมือเปื่อย) เก็บจาน เก็บโต๊ะ เติมน้ำ เติมนม เติมหลอด

ล้างถังดักไขมัน (อันนี้กลิ่นก็ไม่ใช่ธรรมดา นึกถึงกากอาหาร นม น้ำ ต่างๆซึ่งสะสมกันเป็นอาทิตย์ๆ) ขัดห้องเก็บของ ซักผ้า ซักไม้ถูพื้น ทิ้งขยะ

บางทีของหมดสั่งไม่ทัน ก็ต้องนั่งซ้อนมอไซต์ไปเอาของที่สาขาโน้น สาขานี้ แต่ละอย่างไม่ใช่เบาๆค่ะ

วันไหนมีพนักงานใหม่มาเทสต์งาน เราก็จะต้องเป็นคนสอนค่ะ แน่นอนต้องพาไปทิ้งขยะด้วย 555

ส่วนงานชงกาแฟเป็นงานเสริมค่ะ ถ้าคุณได้ไปทำที่สาขาใหญ่ๆที่ลูกค้าเยอะๆ

เค้าก็อาจจะสอนคุณทำกาแฟค่ะ คุณจะได้ช่วยเค้าได้ เราโชคดีที่พี่เค้าสอนเรื่องการทำ

กาแฟทุกอย่าง ทั้งร้อนเย็น แล้วก็มีโอกาสได้ทำกาแฟให้ลูกค้าทานจริงๆด้วยค่ะ
แต่ถ้าที่คุณไปทำเป็นสาขาเล็กๆที่ลูกค้าไม่เยอะนัก คุณก็อาจจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ชงกาแฟค่ะ

แล้วก็พนักงานพาร์ทไทม์น่ะ เค้าจะไม่ส่งเราไปเทรนที่สำนักงานใหญ่หรอกค่ะ ยกเว้นว่าเค้ารู้ว่าเราจะทำงานกับเค้าต่อไปในระยะยาวเค้าถึงจะส่งเราไป
เช่น ถ้าทำไประยะนึง เค้าดูเราเอางานเอาการดี เค้าก็อาจจะถามเราว่าเราจะทำจะที่นี่

ต่อไปเรื่อยๆใช่มั้ย เค้าจะได้ส่งเราไปเทรน

การเทรน เค้าก็จะสอนเรื่องการทำกาแฟทุกชนิดทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ การบริการ การแนะนำลูกค้า ครบวงจรค่ะ ตอนไปเทรนก็ได้ตังค์เหมือนตอนทำงานเลยค่ะ
เท่าที่ทราบมีการสอบเลื่อนขั้นด้วย

แต่ขอบอกงานนี้เหนื่อยและหนักมากกกกกกกกกกกกกกค่ะ ค่าจ้างค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับความหนักของงาน ต้องใจรักพอสมควรด้วย
เพราะคุณจะต้องเจอกับลูกค้าทั้งดีและไม่ดี (มาก) การดูถูก เหน็บแนม เสียดสี บางทีตะโกนด่าเราลั่นร้านก็มี
ด่าเราว่าโง่เหมือนควาย พวกชั้นต่ำ พวกการศึกษาต่ำ พนักงานในร้านโดนมาแล้วทุกคน แค่กดม่านลงมาโดนไหล่เค้า เพราะเค้านั่งพิงกระจกอยู่

พอดีม่านมันเป็นแบบอัตโนมัติ กดด้วยรีโมท แล้วร้านมันใหญ่ พี่คนนั้นคงไม่ทันสังเกต ถึงกับโดนด่าว่าเป็นพวกไร้การศึกษา เลยต้องมาทำงานต่ำๆ -*-

เราก็เคยเจอเหมือนกัน เราเก็บถังขยะที่อยู่ใต้โต๊ะบาร์แล้วตอนลากไปเก็บ เราก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ว่าเราไปโดนเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะจำได้ว่าเราไม่ได้โดนตัวใครเลย
เค้าเดินมาด่าเรา จะขอพบผู้จัดการ จะเอาเรื่องเรา หาว่าเราแกล้งเอาถังขยะไปโดนเก้าอี้ที่เค้านั่ง

เคยเสิร์ฟกาแฟให้ฝรั่ง แล้วโดนด่าว่า E โง่ ลั่นร้าน ทั้งๆที่เราทำตามออเดอร์ที่เค้าสั่งเป๊ะๆ แต่มันไม่ใช่กาแฟที่เค้าต้องการ (เค้าไม่รู้ว่ากาแฟที่สั่งหน้าตาเป็นยังไง)
ต้องถามตัวเองทนได้มั้ย ถ้าเจอคนมาดูถูกคุณแบบนี้

ส่วนกาแฟฟรี เท่าที่จำได้ เอาจริงๆพนักงานพาร์ทไทม์ไม่มีสิทธิ์นี้หรอกค่ะ ยกเว้นพนักงานประจำ กับ พนักงานรายชั่วโมง

แต่ส่วนใหญ่ในทางปฏิบัติ เค้าก็ให้เรากินค่ะ ให้วันละ 2 แก้ว จะกินอะไรก็ได้ตามใจเรา วันไหนโชคดีขนมเค้ก พาย คีช เหลือ เค้าก็จะให้เราไปเอากินที่บ้าน
เรียกว่ากินกันจนอ้วน จนเบื่อจนเอียนไปเลยค่ะ

แต่คุณทำงานประจำด้วย เราคิดว่าคุณคงเหนื่อยมากแน่ๆค่ะ
มีหลายคนอยากมาทำงานที่ร้านนี้ เพราะเหตุผลแบบเดียวกับคุณ เราก็แค่อยากบอกให้รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่งานชงกาแฟ
แค่ถ้าคุณรับมันได้ คุณก็ทำงานที่ร้านนี้ได้ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 4
เคยสมัครค่ะ ไปหยิบใบสมัครงานพาร์ทไทม์มาแล้วเขียนส่งไปค่ะ
เค้าก็โทรมาให้ไปฝึกงานนะคะ แต่พอดีเป็นช่วงที่ไม่ว่าง เลยไม่ได้ไป
ส่วนตัวแล้วคิดว่าสมัครไม่ยากมาก แต่อยู่ที่วิธีการเขียนกรอกใบสมัครค่ะ

ความคิดเห็นที่ 5
ถ้า อายุ 18 ย่าง 19 ทำได้มั้ยคะ
อยู่ปีหนึ่ง แต่อยากมีประสบการ
มันจะเข้าทำงานได้มั้ยคะ??

ความคิดเห็นที่ 6
ทำได้ค่ะ ก่อนเราจะเข้ามาทำ ก็มีเด็กนักเรียน ม.ปลายมาทำค่ะ
แต่รู้สึกว่า เค้าจะมีการกำหนดนะ ว่าคุณจะต้องมีเวลาทำงานให้กับเค้า
อย่างน้อยอาทิตย์นึงกี่ชั่วโมง
แต่ส่วนใหญ่เห็นพวกที่เรียนด้วยทำงานด้วย เค้าจะทำเป็นพนักงานรายชั่วโมงกันมากกว่า เพราะเงินดีกว่า ได้ประจำแคชเชียร์ด้วย

การทำงาน ก็แบ่งเป็นกะเช้า กะเย็น เวลาเริ่มงาน เลิกงาน ขึ้นอยู่กับว่าร้านเปิด-ปิดกี่โมง
อย่างร้านเราปิดสองทุ่ม กว่าจะเก็บร้าน ทำความสะอาด ทำโน่นนี่ กว่าจะได้ออกก็เกือบสี่ทุ่ม

ส่วนเรื่องสมัคร เราว่าไม่ยากหรอก ก็แค่เขียนใบสมัคร
ส่วนเค้าจะรับเรารึป่าว เค้าดูเราตอนเทสต์งานนั่นแหละ
ดูบุคลิกภาพ ดูหน้าตาว่าเป็นคนหน้าตารับแขกรึป่าว ยิ้มแย้มแจ่มใสมั้ย
ขยันและอึดมั้ย เกี่ยงงานมั้ย มีหัวใจบริการรึป่าว ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเป็นยังไง
เวลาเจอลูกค้าเราทำยังไง เช่น วันที่เราเทสต์งาน บางทีก็มีลูกค้ามาขอน้ำเปล่า ขอถุง มาถามเรื่องกาแฟก็มี เค้าก็จะสังเกตเราตลอดทั้งวัน

อย่างตอนเราทำ มีน้องผู้หญิงมาเทสต์งานคนนึง ก็ให้เค้าทำงานทุกอย่าง
พอตกเย็น เค้าสัมภาษณ์กับผู้จัดการ แล้วเค้าถาม ผจก ว่าทำไมถึงให้ผู้หญิงทำงานหนักๆ
ทำไมไม่เอางานหนักๆให้ผู้ชายทำ แล้วให้ผู้หญิงทำงานเบาๆ
สรุปว่าเค้าก็ไม่ผ่านการเทสต์งานวันนั้นค่ะ งานลักษณะนี้เค้าจะไม่มีการแบ่งแยกหญิงชาย ต้องอึดเท่าเทียมกันค่ะ

บางคนเทสต์ไม่ผ่าน เพราะหน้าตาไม่รับแขกก็มี
คือไม่ใช่ไม่สวย หรือไม่หล่อ แต่หน้าตาไม่ยิ้มแย้มน่ะค่ะ

ความคิดเห็นที่ 7
ขอบคุณทุกๆความเห็นที่เข้ามาแบ่งปันกันครับ

ผมคงมองแต่เรื่องอยากกินกาแฟฟรีอย่างเดียวเลยจริงๆ ไม่ได้มองให้ครบทุกด้าน คงต้องคิดใหม่อีกทีแล้วล่ะครับ เพราะจะทิ้งงานประจำเลยไม่ได้ บางทีผมอาจจะไปลงเรียนคอร์สกาแฟที่เปิิดสอนแล้วมาลองทำดูอาจจะเข้าท่ากว่า แต่ยังไงๆถ้าชีวิตนี้มีโอกาสก็อยากไปเป็นพนักงานดูบ้าง คงได้ประสบการณ์กับชีวิต

ความคิดเห็นที่ 8
อยากจะบอกสักนิดว่า ที่บอกว่ากาแฟไปให้ฝรั่งแล้วโดนฝรั่งด่าน่ะ
ผมโดนบ่อยมาก เพราะกาแฟที่ไทยกับกาแฟที่เมืองนอก
ความเข้าใจกันคนละอย่างเลย
(ผมเป็นผู้ขายที่เมืองนอกและเป็นผู้ซื้อที่เมืองไทย)
มั่นสุดตู่จริงๆ นะ

ความคิดเห็นที่ 9
พอจะยกตัวอย่างได้มั๊ยคะ เพื่อเป็นความรู้

ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณค่ะ
จำได้แม่นเลยว่าวันนั้นคุณเค้าสั่ง Ice Coffee ค่ะ
คือเค้าคิดว่ามันเป็นกาแฟใส่นม แต่จริงๆ Ice Coffee ของสตาร์บัคส์มันเป็นกาแฟดำ
ถ้าจะสั่งกาแฟเย็นใส่นม ต้องสั่งเป็น Ice Latte
พอเราเอาไปให้เค้าเลยโดนด่าเละเลยค่ะ แหะๆ
แต่ไม่ได้ด่าธรรมดานะ ต้องเรียกว่า ด่ากราด ตวาดเราลั่นร้าน จนคนทั้งร้านหันมามองเรากับคุณฝรั่งเป็นตาเดียว
นอกจากคำนั้น ยังด่าเป็นภาษาไทยอีกยาวมาก
ตอนนั้นเราก็ได้แต่อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก เพราะเพิ่งโดนเป็นครั้งแรกเลยค่ะ แล้วดันเจอของหนักซะด้วย

พี่ซุปก็เลยเดินมา แล้วบอกให้เราไปหลังร้าน เดี๋ยวพี่เค้าเคลียร์เอง
เป็นประสบการณ์ที่สุดๆครั้งหนึ่งจริงๆค่ะ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยมีใครมาด่าเราหยาบคายขนาดนี้

ที่สตาร์บัคส์เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ

ความคิดเห็นที่ 11
มาแอบอ่านเก็บเกี่ยวความรู้คับ ^^

แต่ไม่ใช่งานที่ผมทำได้แน่ๆเลย อิอิ
เรื่องงานหนักงานเหนื่อยนี่ไม่เท่าไหร่
แต่เรื่องไม่ได้ทำผิดแล้วโดนด่าเนี่ย ปกติเป็นคนความอดทนต่ำกับเรื่องพวกนี้ซะด้วย 😛
ไม่ว่าจะญาติผู้ใหญ่หรืออาจารย์ ลองมาด่าโดยไม่มีเหตุผล ก็สวนกลับมานักต่อนักแล้ว หุหุ

ชีวิตนี้เลยทำงานบริการไม่ค่อยได้ 555

หมายเหตุ…
สมัยก่อนทำงานบริการอยู่ ถ้าลูกค้าคนไหนมางี่เง่าใส่ ผมจะหยุดพูด แล้วให้เขาพูดให้พอ พอเขาพูดเสร็จ(ไม่ว่าเพราะเหนื่อยหรือนึกคำด่าต่อไม่ออกก็ตาม)…
ผมก็จะเริ่มอธิบายด้วยเหตุผล….

ถ้าพอผมเริ่มพูด แล้วเค้าแว๊ดใส่อีก ผมก็จะบอกว่า ตะกี้ให้ยูพูดแล้ว พูดจบรึยัง ไอจะพูดบ้าง ไอไม่อยากมารยาททรามพูดแทรกใคร หุหุ
ถ้าเค้ายอมหยุด ผมก็จะพูดกันด้วยเหตุผลต่อไป…..
ถ้าพูดแล้วยังไม่เข้าใจ ไม่ฟัง หรือยังแว๊ดไม่เลิก….

ปกติผมก็จะเชิญลูกค้าคนนั้นๆออกไปทันที ไม่คิดค่าบริการหนนั้นๆ แต่จะขอให้ออกไปจากบริษัทในบัดดล และบอกด้วยว่า ยูมีสิทธิเลือกที่จะเลือกใช้บริการที่ยูต้องการ ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่ยูเห็นว่าดี เชิญที่อื่นได้เสมอ ถ้าวันใดคิดว่าที่นี่ดี ก็กลับมาได้เสมอ อิอิ

หรือลูกค้าบางคน ที่งี่เง่ามากๆ แต่ไม่ยอมเปลี่ยนไปที่อื่น…
ปกติก็จะบอกเจ้านายไว้เลยว่า คนนี้ไอไม่ดูไม่ให้บริการ ให้คนอื่นดูแลไป

ความคิดเห็นที่ 12
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอโม้ต่ออีกนิดนึงนะ 555
เดี๋ยวจะนึกว่ามีแต่เรื่องไม่ดี ไอ้เรื่องดีๆมันก็มีค่ะ
ทำงานร้านแบบนี้ ค่อนข้างสนุกค่ะ เฮฮาบ้าบอทั้งวัน

แล้วยิ่งงานลักษณะแบบนี้จะมีพี่ๆที่เค้าเป็นกะเทย เป็นเกย์ เป็นทอม เป็นเลส เยอะ
พี่พวกนี้ฮามากค่ะ เราทำที่ร้านนั้น หัวเราะทั้งวัน พี่ๆก็ใจดี บางวันก็ซื้อขนมซื้อกับข้าวมาฝาก กินฟรีอิ่มหมีพีมัน สบายใจจังตังค์อยู่ครบ

ถ้าวันไหนขายดีเป็นประวัติการณ์ ยอดขายทะลุเพดาน พี่ ผจก ก็จะสั่งพิซซ่า สั่งเคเอฟซีมาเลี้ยง จิ้มแจ่ว แหนมเนือง จกกันอยู่หลังร้าน
ถือว่าโชคดีที่เพื่อนร่วมงานในร้านใจดีกันทั้งนั้น พี่ ผจก พี่ซุปก็ใจดี แถมฮาแบบสุดๆอีกด้วย เลิกงานก็มีพาไปเที่ยว ไปเปิบหมูกะทะต่อก็มี

พูดถึงของฟรี แน่นอน…ทำงานสตาร์บัคส์ก็ต้องได้กินกาแฟสตาร์บัคส์ฟรีด้วย เราลองมาหมดแล้วเกือบทุกอย่าง
ยกเว้นพวก Shot กาแฟดำๆ ไม่เอา กินแล้วน๊อค เอ๋อไปครึ่งวัน ส่วนใหญ่เราจะชอบทาน Ice Caramel Macchiato
แล้วก็ Green Tea Frappuccino …ล่อของแพงซะด้วย 555 ชอบสองอย่างนี่มากๆ ทานเกือบทุกวัน

ช่วงที่เริ่มงานวันแรกๆเนี่ย ขนมในร้านจะเป็นของเราหมด เพราะพี่ๆเค้ากินกันจนเบื่อแล้ว พอเหลือก็ให้เราขนกลับหมด
ทั้งพาย คีช และก็แซนวิซ แต่มีอยู่อย่างนึงที่เราจ้องตาเป็นมันไว้อยู่ แต่ยังไม่มีวาสนาได้ชิมคือ บลูเบอรี่ชีสเค้ก

พวกเค้กเนี่ย จะมีอายุอยู่ 2 วัน ถ้าครบสองวันแล้ว ขายไม่หมด ก็เปรมพนักงาน เราจ้องมันมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้กินซักดี ขายดีเว่อร์

จนมีวันนึง เราเดินไปเช็ดตู้กระจก เห็นมีบลูเบอรี่ชีสเค้กนอนแอ้งแม้งอยู่สองชิ้น ยกนาฬิกาขึ้นมาดู โอ้แม่เจ้า…1 ทุ่ม 55 นาที …ร้านปิดสองทุ่ม
อีกไม่กี่นาที เตรียมนับถอยหลังได้เลยกรู ….ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ศูนย์……………เย้!!!!! ได้กินแล้วโว้ย

ช่วงแรกๆนี่กินมันมากขอบอก กินจนลืมตัว ทั้งเค้ก ทั้งวิปครีม พวกเครื่องดื่มปั่นนี่กินทุกวัน
มารู้ตัวอีกที น้ำหนักพุ่งพรวดขึ้น 5 กิโล โอ้โห…หลังๆนี่ไม่ต้องนั่งรถกลับบ้านแล้ว กลิ้งกลับได้เลย

ช่วงนั้นนี่เค้ก พาย อะไรไม่เอาแล้ว พอร้านปิดพี่ๆก็ถามคำถามเดิม… เอ้ย วันนี้มีเค้กเหลือสองชิ้น ใครจะเอามั่ง
เอ่อ….ไม่อาววววววววววววววววววววววววววววววววว ส่ายหน้าแหงกๆขนพองสยองเกล้า

ก็เลยถือเป็นบุญวาสนาของพี่ รปภ ที่ตึกนั้นไป ช่วงหลังๆพอขนมเหลือ กาแฟเหลือ ก็เอาไปให้เค้า พี่ รปภ.ก็เปรมกันไป

ข้อดีที่สำคัญอีกอย่างก็คือได้เจอคนเยอะ เจอคนหลากหลายหน้าตา ฐานะและอาชีพ
สาขาที่เราทำเป็นสาขาค่อนข้างไฮโซ ลูกค้าก็จะมีตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ดารา นางแบบ พนักงานออฟฟิศ

นักธุรกิจ ไฮโซ นักการเมือง ไปจนถึงเจ้าหญิงสูงศักดิ์จากต่างเมือง ก็เคยเสด็จมารับทานกาแฟที่ร้าน

ไม่ใช่ธรรมดานะ มีราชองครักษ์มาคุมแบบในละครด้วย
เรียกว่าชีวิตนี้มีบุญวาสนา ได้ทำกาแฟเสิร์ฟตั้งแต่ รปภ. ไปจนถึงเจ้านายชั้นสูง
ลูกค้าที่เป็นคนต่างชาติก็เยอะค่ะ มีคุณฝรั่งอ้วนๆใจดีคนนึงเป็นลูกค้าประจำ แกจะมาทานที่ร้านทุกวัน

เราเรียกแกว่าคุณลุงซานต้าครอส แกเหมือนลุงซานต้ามากค่ะ

มีเรื่องน่ารักๆของลูกค้าคนนึงมาเล่าค่ะ ยามบ่ายของวันหนึ่ง มีคุณผู้หญิงท่าทางใจดีคนหนึ่ง อายุประมาณสี่สิบกว่าๆ เค้าไม่เคยทานกาแฟสตาร์บัคส์มาก่อน
วันนั้นเค้ามาสั่งกาแฟเย็นใส่นมหนึ่งแก้ว พอเค้าสั่งเสร็จ เค้าเดินมาที่บาร์ที่เติมน้ำตาล เติมนม ซึ่งเราก็ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี

เค้ายืนมองอยู่ซักพัก แล้วก็หันมากระซิบกับเราพร้อมรอยยิ้มนิดๆว่า “หนูจ๋าๆ มีนมตราหมีมั้ย” เราก็ยิ้มตอบเค้า แล้วบอกว่า

“ไม่มีค่ะ แต่ว่ามีนมสดตรงนี้นะคะ” เรายื่นให้เค้า เค้าก็รับมาแล้วก็หัวเราะ แล้วเค้าก็บอกว่า “แหม กินกาแฟอย่างนี้ มันต้องนมตราหมีนะหนูว่ามั้ย
นมสดมันจะไปถึงใจอะไร” แล้วเราก็ยืนคุยกับคุณเค้าอีกซักพัก แล้วคุณเค้าก็จากไป ถือเป็นเรื่องน่ารักๆของลูกค้าใจดีที่เราประทับใจคนหนึ่งค่ะ

ความประทับใจแบบสุดๆอีกอย่างคือ เราเคยได้ทำกาแฟเสิร์ฟ พี่เคน ธีรเดช พระเอกขวัญใจของเรามาแล้ว

ตอนนั้นพี่เคนยังไม่ดังเหมือนทุกวันนี้ แต่เราชอบเค้ามานานมาก ตั้งแต่เค้าเพิ่งเริ่มจะเข้าวงการเลยล่ะ

ชอบมาตั้งหลายปี ไม่เคยได้เจอตัว จนมาทำสตาร์บัคส์ เลยทำให้เราได้เจอเค้า มาทุกครั้งเค้าจะสั่ง Hot Latte ทุกครั้ง

มีครั้งหนึ่ง วันนั้นไม่มีลูกค้าเลย แล้วเค้ามาคนเดียว เค้าเลยมายืนดูพวกเราชงกาแฟ พี่เคนยืนติดชิดขอบบาร์เลยนะ

คือใกล้มากขนาดเอื้อมมือไปแตะก็ถึง วันนั้นเรายืนประจำตำแหน่งสอง เป็นคนตีฟองนม ผสม แล้วก็ออกเครื่องดื่ม

อยากบอกว่าตื่นเต้นมาก ปากสั่น มือสั่น หน้างี้ร้อนไปหมด จริงๆนะคะ ไม่ได้เวอร์ ขายหน้ามาก

พอทำเสร็จก็ยื่นไปให้พี่เคนก็รับ แล้วเค้าก็พูดว่าขอบคุณครับ พอพี่เคนเดินไป พี่ที่ร้านที่ยืนตำแหน่งที่ 1 ซึ่งยืนติดกันสะกิดเรา

แล้วบอกว่า ไหวมั้ยแก นี่…หน้าแกแดงแจ๋เลยรู้มั้ย มือสั่นพับๆๆๆๆเลยนะแก พี่เคนน่ะเค้ามองหน้าแกด้วยตอนที่แกชงกาแฟน่ะ 555

ขายขี้หน้ามากกกกกกกก อยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ที่เค้ามองก็คงเพราะรู้ว่าเราตื่นเต้นน่ะค่ะ

เราทำงานอยู่ที่นั่นได้ประมาณสองเดือนกว่าๆ เราก็ได้งานประจำซึ่งก็เป็นบริษัทที่มีออฟฟิศอยู่ที่ตึกนั้นล่ะค่ะ

พอดีรุ่นพี่ที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เค้าเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ มีอยู่วันนึงเรากำลังล้างจานเหงื่อซกๆอยู่ข้างหลังร้าน

พี่เค้าก็มาตะโกนอยู่หน้าร้านว่า น้องคนนั้นอะไปไหน เราก็เลยวางสกอตไบรท์ เดินออกไปหาเค้า สภาพนี่ดูไม่ได้เลยค่ะ หัวเหอนี่สุดๆ
เค้าบอกว่า บ่ายสามนี้มีเวลามั้ย ขึ้นไปสัมภาษณ์งานหน่อย มีทีมนึงเค้ากำลังหาคนอยู่
จะให้ไปสัมภาษณ์งานเป็นผู้ช่วยโปรเจค ตอนนั้นเราไปสัมภาษณ์สองรอบค่ะ

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พี่ในทีมที่เราไปสัมภาษณ์งานด้วย โทรมาแจ้งว่าเค้ารับเราเข้าทำงาน

ต้องถือว่าเป็นความโชคดีของเรามากๆ ไม่เคยคิดเหมือนกันว่ามาทำงานสตาร์บัคส์ แล้ว

จะได้งานประจำ ซึ่งบริษัทนั้นก็เป็นบริษัทต่างชาติชั้นนำบริษัทหนึ่ง

จะบอกว่างานที่สตาร์บัคส์เปิดโอกาสให้เราก็ได้ ถ้าตอนนั้นเราเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน กว่าจะได้งานก็อาจจะใช้เวลานานกว่านั้นก็ได้

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ ที่อยากเล่าสู่กันฟังค่ะ

โม้ออกนอกเรื่องไปหน่อย คงไม่ว่ากันนะคะ ^^

ความคิดเห็นที่ 13
ไม่นึกมาก่อนด้วยว่าพนักงานต้องทำสากกะเบือยันเรือรบ (นั่นสิ ถ้าพนักงานไม่ทำแล้วใครจะทำ)

ความคิดเห็นที่ 14
สนุกดีครับ เรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในร้านแบบนี้อ่านสนุก เอาไปเขียนหนังสือขายได้เลยนะเนี่ย ^^

ความคิดเห็นที่ 15
น้องได้งานที่อื่นแล้วนี่เอง ยังสงสัยอยู่เวลาพี่กลับไปซื้ออีกครั้งเลยไม่เจอน้องอีกเลย

ความคิดเห็นที่ 16
ชอบมากๆ น่าจะเขียนเป็นหนังสือๆด้เล่มนึงอย่างเลยนะครับ

ความคิดเห็นที่ 17
ถึงพี่เคน ธีรเดช
ก็ตอนนั้น พี่เคนมาร้านทีไร ก็พกภรรยาคนปัจจุบันมาด้วยทุกที
น้องทนเห็นภาพบาดตาเยี่ยงนั้นไม่ได้ มันเจ็บในทรวงม๊ากมากค่ะ

ความคิดเห็นที่ 18
นี่เรากลับมาอ่านซ้ำอีกรอบยังไม่เบื่อเลย ถ้าว่างๆ ก็ไปลงเรียนครอสแต่งหนังสือสิคะ

ความคิดเห็นที่ 19
ขอบคุณสำหรับคำชมของทุกท่านนะคะ ^^
เราเขียนเรื่องสนุกจริงๆหรอเนี่ย
ปกติเราจะชอบเขียนรีวิวหนัง เขียนเล่าเรื่องอาหารการกิน
เขียนเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่อยู่บ่อยๆ

เคยมีคนบอกเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อน ก็เลยไม่ค่อยเชื่อมันเท่าไหร่ 555
จริงๆเราเป็นคนไม่ค่อยเก่งภาษาเท่าไหร่นะ บางทีก็ใช้คำไม่ค่อยถูก
แต่ถ้าให้เริ่มเขียนอะไรแล้วจะยาวทุกที อย่างเช่นข้างบน ^^

ที่เขียนมานี่ก็เขียนตามอารมณ์ตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น
อยากจะแบ่งปันประสบการณ์สนุกๆของการเป็นพนักงานร้านกาแฟให้ทุกคนได้อ่านน่ะค่ะ

ความคิดเห็นที่ 20
อยากทำมั่งเหมือนกันอ่ะ อยากหารายได้พิเศษ แต่ต้องทำหนักขนาดนั้นเรยเหรอ ……. อยากทำก็ต้องทนใช่ป้ะ

แระรายได้เค้าให้ไงอ่ะค๊ะ คือไม่เข้าใจว่า พนักงานพาร์ทไทม์ กับ พนักงานรายชั่วโมง
มันแตกต่างกันตรงไหนค๊ะ แล้ว พนักงานประจำ นี่ทำเหมือนพนักงาน บริษัท รึเปล่าค๊ะ

อ่านแล้วสนุกด้วยเหมือนกันค่ะ คุณนินจาหนวดแมว เอ้ย หน้าแมว

ยิ่งพอเจอ พี่เคน มาคอมเม้นท์ นี่ยิ่งฮา ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 21
มาตอบช้าไปมาก ไม่รู้คุณฮะจิยังอยู่มั้ยนะคะ
สมัยก่อนที่เคยทำ ซึ่งนานมากแล้วนะคะ

พนักงานพาร์ทไทม์ ได้ชั่วโมงละ 25 บาท งานหลักๆของพนักงานพาร์ทไทม์คือการทำความสะอาดค่ะ
พนักงานรายชั่วโมง ได้ชั่วโมงละ 30 บาท
พนักงานรายชั่วโมง จะได้รับการเทรนค่ะ เค้าจะส่งไปฝึกการทำกาแฟที่สำนักงานใหญ่
แล้วก็ได้ทำแคชเชียร์ ทำหน้าที่รับออเดอร์จากลูกค้าด้วย ซึ่งพนักงานพาร์ทไทม์จะไม่ได้ทำค่ะ

ส่วนพนักงานประจำเค้าจะเรียกว่า Barista ก็เป็นคนชงกาแฟเหมือนกันนี่ล่ะค่ะ
แต่มีหน้าที่อื่นๆด้วย เช่น เป็น Specialist ทางด้านกาแฟ หรือดูแลพวกเบเกอรี่ แล้วก็ต้องคอยเช็คสินค้าที่จะเข้าร้าน

ส่วนรายได้เนี่ยจะได้เป็นเงินเดือน + ทิปจากลูกค้า ได้ Commission ด้วยรึป่าว ไม่แน่ใจนะคะ
ซึ่งตรงนี้ก็อธิบายละเอียดมากไม่ได้ เพราะไม่เคยเป็น Barista
ต้องถามคนที่เป็นจริงๆ อันนี้เราใช้วิธีการสังเกตพวกพี่ๆเค้าน่ะค่ะ